ผู้เขียน: admin

  • ยืนยันด้วยผลวิจัย “เวลาเข้านอน” ดีต่อสุขภาพหัวใจที่สุด ไม่ใช่ก่อน 4 ทุ่มอย่างที่หลายคนคิด

    ยืนยันด้วยผลวิจัย “เวลาเข้านอน” ดีต่อสุขภาพหัวใจที่สุด ไม่ใช่การนอนแต่หัวค่ำก่อน 4 ทุ่ม อย่างที่หลายคนคิด

    งานวิจัยที่ศึกษากลุ่มตัวอย่างจำนวน 88,000 คน อายุระหว่าง 43-79 ปี ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร European Heart Journal พบว่าการเข้านอนดึกเกินไปหรือเข้านอนเร็วเกินไป (ก่อน 4 ทุ่ม) อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

    ทีมวิจัยได้เก็บข้อมูลพฤติกรรมการนอนของผู้เข้าร่วมการทดลองผ่านอุปกรณ์ติดตามบนข้อมือเป็นเวลา 7 วัน พร้อมทั้งเก็บข้อมูลสุขภาพและพฤติกรรมการใช้ชีวิตผ่านแบบสอบถาม

    ผู้เข้าร่วมถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มตามช่วงเวลาที่เข้านอน ได้แก่

    • กลุ่มที่เข้านอนก่อน 22.00 น.
    • กลุ่มที่เข้านอนระหว่าง 22.00-22.59 น.
    • กลุ่มที่เข้านอนระหว่าง 23.00 น. ถึงเที่ยงคืน
    • กลุ่มที่เข้านอนหลังเที่ยงคืน

    ในช่วงเวลา 6 ปีของการศึกษา พบว่าผู้เข้าร่วม 3.6% (3,172 คน) พัฒนาโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงเกิดเหตุการณ์ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง หัวใจล้มเหลว หัวใจวาย และโรคหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง

    ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าผู้ที่เข้านอนหลังเที่ยงคืนมีอัตราโรคหัวใจสูงที่สุด โดยกลุ่มนี้มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่เข้านอนระหว่าง 22.00-22.59 น. ขณะที่กลุ่มที่เข้านอนก่อน 4 ทุ่มมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 24% และกลุ่มที่เข้านอนระหว่าง 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืนมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 12%

    จากงานวิจัยพบว่าผู้ที่เข้านอนระหว่าง 22.00-22.59 น. มีอัตราการเกิดโรคหัวใจต่ำที่สุด ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปกป้องสุขภาพหัวใจ

    ดร.เดวิด แพลนส์ จากมหาวิทยาลัยเอกซิเตอร์ สหราชอาณาจักร ผู้เขียนงานวิจัยกล่าวว่า “ทีมวิจัยพบว่าการเข้านอนดึกเกินไปหรือเร็วเกินไป (ก่อน 4 ทุ่ม) เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากการเข้านอนเร็วหรือช้าเกินไปสามารถรบกวนจังหวะชีวภาพของร่างกาย ส่งผลต่อการนอนหลับ และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด”

    การนอนหลับที่มีคุณภาพสำคัญต่อสุขภาพ

    ดร.อภินาฟ ซิงห์ ผู้อำนวยการศูนย์การนอนหลับอินเดียนา และผู้เชี่ยวชาญจาก Sleep Foundation กล่าวว่า “คุณภาพการนอนที่ดีเป็นพื้นฐานของสุขภาพที่สมบูรณ์ แม้ว่าคุณจะรับประทานอาหารที่ดีและออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่หากนอนหลับไม่เพียงพอ สุขภาพของคุณยังคงเสี่ยงต่อปัญหา”

    ในระหว่างการนอนหลับระยะที่ไม่ฝัน (NREM) อัตราการเต้นของหัวใจจะช้าลง ความดันโลหิตลดลง และการหายใจมีความคงที่ ซึ่งช่วยลดความเครียดต่อหัวใจและช่วยให้ฟื้นตัวจากความเครียดในระหว่างวัน ดังนั้น ปัญหาการนอนหลับจึงเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง โรคหัวใจวาย โรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดสมอง

    ดร.เดวิส ยังระบุว่าผลการศึกษานี้ยังไม่สามารถแสดงความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างเวลาเข้านอนกับความเสี่ยงโรคหัวใจได้อย่างชัดเจน แต่การกำหนดเวลาเข้านอนอาจเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด หากมีการศึกษาที่ได้ข้อสรุปคล้ายกันในอนาคต อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจด้วยการปรับเปลี่ยนเวลาเข้านอน

  • ถ่ายทอดสดหวย 17/1/68 ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล 17 ม.ค. 68

    ถ่ายทอดหวย 17/1/68 หวยงวดนี้ออกวันที่ 17 มกราคม 2568 จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจหวย ตรวจลอตเตอรี่ ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล สลากกินแบ่งรัฐบาล วันที่ 17 มกราคม 2568 ร่วมฟังถ่ายทอดสดหวย ร่วมลุ้นรางวัลที่ 1 เลขท้าย 2 ตัว เลขท้าย 3 ตัวและรางวัลอื่นๆ ได้ที่นี่ และ Sanook พร้อมรายงานผลสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบรวดเร็วทันใจ

    ติดตามชม “ถ่ายทอดหวย” ผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 17 ม.ค. 68 ได้เวลามาร่วมลุ้นรางวัลที่ 1 ไปพร้อมๆ กันในเวลาประมาณ 14:30 น.

    ชมถ่ายทอดสด การออกผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 17 มกราคม 2568

     

    สลากกินแบ่งรัฐบาล กำหนดเงินรางวัลต่อชุด ดังนี้

    • สลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 รางวัลละ 6,000,000 บาท (6 ล้านบาท)
    • รางวัลเลขหน้า 3 ตัว มี 2 รางวัล รางวัลละ 4,000 บาท
    • รางวัลเลขท้าย 3 ตัว มี 2 รางวัล รางวัลละ 4,000 บาท
    • รางวัลเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 2,000 บาท
    • รางวัลที่ 2 มี 5 รางวัล รางวัลละ 200,000 บาท
    • รางวัลที่ 3 มี 10 รางวัล รางวัลละ 80,000 บาท
    • รางวัลที่ 4 มี 50 รางวัล รางวัลละ 40,000 บาท
    • รางวัลที่ 5 มี 100 รางวัล รางวัลละ 20,000 บาท

    เงื่อนไขการตรวจผลรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล

    • สลากกินแบ่งรัฐบาล ผู้ถูกรางวัลมีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลภายใน 2 ปี นับแต่วันออกรางวัลสลาก หากพ้นกำหนดจะนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
    • ผู้ขอรับเงินรางวัลต้องชำระค่าอากรแสตมป์ ในอัตรา 1 บาท ของเงินรางวัล ทุก 200 บาท หรือเศษของ 200 บาท

    ตรวจหวยงวดอื่นๆ เพิ่มเติม

  • หมอช้าง ทัก! 2 ราศี มีดวงตัวเต็งเรื่องโชคลาภ

    เช็กดวงโชคลาภช่วงนี้ จากคำทำนายของ หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา นักพยากรณ์ชื่อดัง ที่ล่าสุด ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Master.Chang ถึง 2 ราศี ที่เป็นตัวเต็งด้านโชคลาภ ได้แก่ราศี..

    • ราศีตุล (ผู้ที่เกิดตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.-16 พ.ย.)
    • ราศีมีน (ผู้ที่เกิดตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.-13 เม.ย.)

    เริ่มออก Start ปี มีดวงตัวเต็งเรื่องโชคลาภ

  • รถป้ายแดง 1 คัน ใช้งานได้กี่ปี ก่อนจะต้องเปลี่ยนคันใหม่?

    หากเลือกถอยรถป้ายแดงมาใช้งาน จะสามารถใช้ได้กี่ปี หรือกี่กิโลเมตร จึงจำเป็นจะต้องเปลี่ยนคันใหม่ บทความนี้ Sanook Auto จะพาไปหาคำตอบกัน

    รถป้ายแดง เปลี่ยนเมื่อไหร่ถึงจะคุ้ม?

    คำถามที่ว่า “รถป้ายแดงหนึ่งคันใช้งานได้นานแค่ไหน” นั้นไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพราะอายุการใช้งานของรถยนต์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษา พฤติกรรมการขับขี่ สภาพแวดล้อมในการใช้งาน รวมถึงความต้องการเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอด

    ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานรถ

    การดูแลรักษา – รถยนต์ที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและอะไหล่ตามระยะทางที่กำหนด จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ารถที่ไม่ได้รับการดูแล

    สภาพแวดล้อม – สภาพถนน สภาพอากาศ และสภาพแวดล้อมในการใช้งาน เช่น การจอดรถกลางแจ้งหรือในร่ม มีผลต่อการเสื่อมสภาพของรถ

    พฤติกรรมการขับขี่ – การขับขี่ที่เรียบร้อย ไม่เร่งเครื่องแรง หรือเบรกกระทันหัน จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้

    เทคโนโลยี – เทคโนโลยีของรถยนต์พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถยนต์รุ่นใหม่ๆ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า และอาจทำให้ผู้บริโภคต้องการเปลี่ยนรถเพื่อสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ๆ

    เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนรถ?

    โดยทั่วไปแล้ว รถยนต์ส่วนบุคคลจะมีอายุการใช้งานประมาณ 10-15 ปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอาจต้องพิจารณาเปลี่ยนรถ ได้แก่

    ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงสูง – หากค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรถสูงเกินไปเมื่อเทียบกับมูลค่าของรถ อาจถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนรถคันใหม่

    รถมีอายุมาก – รถยนต์ที่มีอายุมากขึ้น จะมีปัญหาเรื่องอะไหล่และการซ่อมบำรุงมากขึ้น

    เทคโนโลยีใหม่ๆ – หากคุณต้องการเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย หรือระบบช่วยเหลือการขับขี่ อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนรถคันใหม่

    ต้องการเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ – หากคุณรู้สึกว่ารถคันปัจจุบันไม่ตอบสนองความต้องการของคุณอีกต่อไป เช่น เร่งไม่ทันใจ หรือการควบคุมไม่ดีพอ อาจเป็นสัญญาณว่าคุณควรเปลี่ยนรถ

    การตัดสินใจเปลี่ยนรถคันใหม่ขึ้นอยู่กับความต้องการและความพร้อมของแต่ละบุคคล ไม่มีกฎตายตัวว่าต้องเปลี่ยนรถเมื่อไหร่ การดูแลรักษารถยนต์ให้ดี จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนรถ คุณก็จะได้รถคันใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

  • งดเครื่องดื่มชนิดเดียว! แค่ 2 เดือน ชายคอเลสเตอรอลลดฮวบ หมอยังตกใจ

    งดเครื่องดื่มชนิดเดียว แค่ 2 เดือน ชายไม่ได้ออกกำลังกาย แต่คอเลสเตอรอลลดฮวบ แพทย์ยังตกใจ ค่ากลับมาเป็นปกติแล้ว

    เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า ดร.เจียง กว้านอวี่ แพทย์เวชศาสตร์บูรณาการ ของไต้หวัน ได้โพสต์ในเพจเฟซบุ๊กของเขา เผยถึงกรณีผู้ป่วยชายรายหนึ่งที่ขณะรักษาตัวในโรงพยาบาลพบความผิดปกติเล็กน้อยในการทำงานของตับ และเมื่อกลับมาตรวจติดตามหลังออกจากโรงพยาบาลก็พบว่ามีไขมันในเลือดสูง

    แม้จะได้รับยาลดไขมันแต่ก็รับประทานยาไม่สม่ำเสมอ และหยุดยาเองเป็นเวลา 1 เดือน เนื่องจากลืมไปรับยาตามนัด แต่ในช่วงเวลานั้นผู้ป่วยลองเปลี่ยนมากินอาหารที่จืดขึ้น และเลิกดื่ม “น้ำอัดลม” ทุกมื้อ จากเดิมที่เคยดื่ม 1 แก้วทุกมื้อ โดยไม่ได้เพิ่มกิจกรรมออกกำลังกายแต่อย่างใด

    น่าแปลกใจที่ผลตรวจไขมันในเลือดของผู้ป่วยก่อนและหลังเลิกดื่มน้ำอัดลมเป็นเวลา 2 เดือน แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ระดับคอเลสเตอรอลรวม (Cholesterol) ลดลงจาก 245 เหลือ 157 mg/dL ลดลงประมาณ 36% และกลับเข้าสู่ค่าปกติในระยะเวลาอันสั้น

    ส่วนไตรกลีเซอไรด์ (TG) ลดลงจาก 360 เหลือ 119 mg/dL ซึ่งอยู่ในช่วงค่าปกติ ลดลงถึง 67% การเปลี่ยนแปลงนี้โดดเด่นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไตรกลีเซอไรด์ที่ตอบสนองไวต่อการปรับเปลี่ยนอาหารและการลดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นพิเศษ!

    ดร.เจียง กว้านอวี่ อธิบายผลตรวจว่า “คอเลสเตอรอลชนิดดี” (HDL-C) ของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจาก 33 เป็น 36 mg/dL แม้ยังต่ำกว่ามาตรฐานที่แนะนำ (>40 mg/dL) แต่ก็มีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องปรับปรุงวิถีชีวิตเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มให้มากขึ้น ส่วน “คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี” (LDL-C) ลดลงจาก 141 เหลือ 98 mg/dL (อยู่ในเกณฑ์

    ดร.เจียง กว้านอวี่ อธิบายว่า หากค่าระดับไขมันในเลือดเปลี่ยนแปลงอย่างมากในระยะเวลาอันสั้น อาจต้องพิจารณาความเป็นไปได้ของความผิดพลาดในการตรวจหรือเก็บตัวอย่าง

    แต่สำหรับกรณีนี้ ค่าต่าง ๆ แสดงแนวโน้มที่สอดคล้องกัน ทั้งคอเลสเตอรอลรวมลดลง ไตรกลีเซอไรด์และ LDL ลดลงอย่างมาก และ HDL เพิ่มขึ้นเล็กน้อย หากเกิดความผิดพลาดจากการเก็บตัวอย่างจริง มักจะไม่แสดงการเปลี่ยนแปลงที่เป็นระบบเช่นนี้ และอาจมีเพียง 1-2 ค่าเท่านั้นที่ผิดปกติ

    Alina Skazka

    พร้อมชี้ว่า การเปลี่ยนจาก “ดื่มน้ำอัดลมทุกมื้อ” เป็น “เลิกดื่มน้ำอัดลมโดยสิ้นเชิง” เท่ากับลดการบริโภคน้ำตาลและแคลอรีส่วนเกินอย่างมาก โดยเฉพาะไตรกลีเซอไรด์ (TG) ที่ไวต่อการบริโภคน้ำตาลและแคลอรีส่วนเกินอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้จึงแสดงผลลัพธ์ที่ดีในระยะสั้น

    นอกจากนี้ การปรับวิถีชีวิตเพื่อลดอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง และแคลอรีสูง จะช่วยเสริมผลลัพธ์ หากเพิ่มการออกกำลังกายสม่ำเสมอหรือควบคุมอาหารให้มากขึ้น จะยิ่งส่งผลดีต่อไตรกลีเซอไรด์และ HDL ควรติดตามผลตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าการควบคุมไขมันในเลือดมีเสถียรภาพในระยะยาว

  • 8 วิธีทำความสะอาดลำไส้ใหญ่แบบธรรมชาติ ทำเองง่ายๆ ที่บ้าน

    ลำไส้ใหญ่ เป็นอวัยวะสำคัญส่วนหนึ่งของระบบย่อยอาหาร สุขภาพของลำไส้ใหญ่นั้นมีผลต่อสุขภาพระบบย่อยอาหารโดยรวม หลายคนเชื่อว่าการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสุขภาพระบบย่อยอาหารที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ยังมีงานวิจัยที่พิสูจน์ประสิทธิภาพของการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่น้อยมาก และคุณภาพของงานวิจัยเหล่านั้นก็ยังไม่ดีเพียงพอ

    การทำความสะอาดลำไส้ใหญ่บางวิธีอาจมีประโยชน์ แต่จากการศึกษาเบื้องต้นที่มีอายุมากแล้ว พบว่ายังไม่มีหลักฐานทางวิจัยสนับสนุนการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ เว้นแต่เพื่อบรรเทาอาการท้องผูกหรือก่อนการตรวจทางการแพทย์

    วิธีทำความสะอาดลำไส้ใหญ่

    1.การดื่มน้ำให้เพียงพอ

    การดื่มน้ำให้เพียงพอและรักษาความชุ่มชื้นในร่างกายเป็นวิธีที่ดีในการปรับระบบการย่อยอาหารให้ทำงานเป็นปกติ นอกจากนี้ การศึกษาในปี 2016 ยังพบว่าการดื่มน้ำอุ่นก็มีประโยชน์ต่อระบบการย่อยอาหารเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม นอกจากนี้การทานอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบสูง เช่น แตงโม มะเขือเทศ ผักกาด และขึ้นฉ่าย ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ ผลไม้และผักหลายชนิดมีส่วนช่วยในการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ได้อย่างเป็นธรรมชาติผ่านทางอาหาร

    2.การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือ

    คุณสามารถลองล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือได้ ซึ่งอาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกและถ่ายอุจจาระไม่เป็นเวลา อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่ามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จำกัดที่สนับสนุนประสิทธิภาพของการล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือ

    • การศึกษาในปี 2010: พบว่าการดื่มน้ำเกลืออุ่น ๆ เป็นระยะ ๆ พร้อมกับการฝึกโยคะ มีประสิทธิภาพในการชำระล้างลำไส้ก่อนการตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยกล้องส่องตรวจ (colonoscopy) มากกว่าการใช้สารละลายทำความสะอาดเฉพาะ
    • การศึกษาในปี 2018: พบว่าการใช้สารละลายโซเดียมฟอสเฟตมีประสิทธิภาพในการชำระล้างลำไส้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ยังคงประเมินการล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือในบริบทของการเตรียมตัวก่อนการตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยกล้องส่องตรวจ

    นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าและประสบการณ์จากผู้คนบนอินเทอร์เน็ตที่เชื่อว่าการล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือได้ผลกับพวกเขา

    หากคุณต้องการลองล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เมื่อคุณพร้อมที่จะลองทำ สามารถทำได้ดังนี้

    • ก่อนรับประทานอาหารในตอนเช้า ผสมเกลือ 2 ช้อนชาลงในน้ำอุ่น ผู้คนมักใช้เกลือทะเลหรือเกลือหิมาลายัน
    • ดื่มน้ำอย่างรวดเร็ว ขณะท้องว่าง และภายในไม่กี่นาที คุณอาจรู้สึกปวดท้องและต้องการเข้าห้องน้ำ
    • ทำซ้ำในตอนเช้าและตอนเย็น และ ควรอยู่ใกล้ห้องน้ำ เป็นระยะเวลาหนึ่งหลังจากการล้างลำไส้ คุณอาจต้องเข้าห้องน้ำหลายครั้ง

    3.ทานอาหารที่มีไฟเบอร์ ไฟเบอร์ หรือใยอาหาร คือสารอาหารที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับร่างกาย พบได้ในอาหารจากพืช เช่น ผลไม้ ผัก ธัญพืช ถั่ว และเมล็ดพืช พืชมีเซลลูโลส และไฟเบอร์ชนิดอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มปริมาณกากในลำไส้ใหญ่ ช่วยปรับปรุงการทำงานของลำไส้ทั้งการแก้ปัญหาท้องผูกและท้องเสีย และยังเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียดีในลำไส้อีกด้วย

    ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงเป็นประจำ จะช่วยบำรุงสุขภาพลำไส้ใหญ่ให้แข็งแรงและส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียดีในลำไส้ได้เป็นอย่างดี

    4.การดื่มน้ำผลไม้ เป็นที่นิยมใช้ในการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ ซึ่งรวมถึงการอดอาหารและดื่มน้ำผลไม้และผักเท่านั้น เช่น การล้างพิษแบบมาสเตอร์คลีนส์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีงานวิจัยเพียงพอเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ด้วยวิธีนี้ และยังมีงานวิจัยบางชิ้นที่ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง

    แม้จะเป็นเช่นนั้นการดื่มน้ำผลไม้และผักในปริมาณที่พอเหมาะก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพ น้ำผลไม้ผสมมีไฟเบอร์และสารอาหารบางชนิดที่ช่วยในการย่อยอาหาร นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยในการเติมน้ำให้ร่างกายและช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ยิ่งไปกว่านั้นการรับประทานผลไม้ยังช่วยปรับปรุงจุลินทรีย์ในลำไส้และช่วยให้การเคลื่อนไหวของอาหารในลำไส้เป็นไปอย่างราบรื่น ช่วยลดอาการท้องผูกได้

    5.การอดอาหารดื่มแต่น้ำผลไม้ น้ำผลไม้ที่นิยมใช้ในการอดอาหารดื่มแต่น้ำผลไม้และการล้างพิษ ได้แก่ น้ำแอปเปิ้ล น้ำมะนาว และน้ำผักต่างๆ อย่างไรก็ตามสมูทตี้อาจมีประโยชน์ต่อลำไส้ใหญ่และสุขภาพโดยรวมมากกว่าน้ำผลไม้ เนื่องจากการคั้นน้ำผลไม้จะทำให้กากและเปลือกผลไม้ถูกแยกออกไป ทำให้น้ำผลไม้มีไฟเบอร์น้อยลง ในขณะที่สมูทตี้ยังคงมีไฟเบอร์อยู่มาก

    การศึกษาในปี 2017 พบว่าการรับประทานอาหารที่มีแต่ผลไม้และผักเป็นเวลา 3 วัน อาจช่วยลดน้ำหนักได้ แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลลัพธ์เหล่านี้ คุณไม่จำเป็นต้องอดอาหารและดื่มแต่น้ำผลไม้และสมูทตี้เพื่อให้ได้ประโยชน์ใดๆ เพียงแค่พยายามรวมน้ำผลไม้หรือสมูทตี้เข้าไปในอาหารของคุณ เช่น ดื่มน้ำผลไม้หรือสมูทตี้วันละครั้ง

    6.ทานอาหารที่เป็นแป้งทนต่อการย่อย มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับไฟเบอร์ พบได้ในพืชหลายชนิด เช่น มันฝรั่ง ข้าว ธัญพืช ถั่ว และกล้วยดิบ แป้งชนิดนี้มีส่วนช่วยในการส่งเสริมสุขภาพลำไส้ใหญ่ โดยการกระตุ้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้

    7.ทานโปรไบโอติกส์ การเพิ่มโปรไบโอติกส์เข้าในอาหารของคุณเป็นอีกวิธีหนึ่งในการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวมในด้านอื่นๆ อีกมากมาย คุณสามารถรับประทานโปรไบโอติกส์ได้โดยการรับประทานอาหารเสริมโปรไบโอติกส์ หรือรับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกส์สูง เช่น โยเกิร์ต กิมจิ ผักดอง และอาหารหมักดองอื่นๆ

    โปรไบโอติกส์จะนำแบคทีเรียที่ดีเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ ด้วยความช่วยเหลือของไฟเบอร์และแป้งทนต่อการย่อย ช่วยลดการอักเสบและส่งเสริมการขับถ่ายเป็นปกติ ซึ่งเป็นสองปัจจัยสำคัญของสุขภาพระบบย่อยอาหารที่เกี่ยวข้องกับลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลยังถือว่าเป็นโปรไบโอติกส์ชนิดหนึ่ง และถูกนำมาใช้ในการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ เอนไซม์และกรดในน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลเชื่อว่าจะช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ไม่ดี อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการศึกษาในสัตว์เกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงเล็กน้อย

    8.ดื่มชาสมุนไพร ชาสมุนไพรอาจช่วยส่งเสริมสุขภาพระบบย่อยอาหารโดยเฉพาะลำไส้ใหญ่ได้ สมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย เช่น ซิลเลียม ว่านหางจระเข้ รากมาร์ชแมลโลว์ และเอล์มลื่น อาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ ก่อนใช้สมุนไพรเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะหากใช้มากเกินไปอาจเป็นอันตรายได้ สมุนไพรชนิดอื่นๆ เช่น ขิง กระเทียม และพริกไทยดำ มีสารฟิโตเคมิคอลต้านจุลชีพ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ไม่ดี ด้วยเหตุนี้จึงมีการนำสมุนไพรเหล่านี้มาใช้ในการล้างพิษ แต่ยังขาดการศึกษาที่เพียงพอ

  • “สะเดา” กับข้อเสีย โทษ ผลกระทบ ผลข้างเคียงแบบไม่คาดคิดมาก่อน

    สะเดาเป็นพืชสมุนไพรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากสามารถนำทุกส่วนของต้นมาใช้ประโยชน์ได้ ทั้งใบ ดอก เมล็ด ผล ราก และเปลือก มีการเปิดเผยการใช้ประโยชน์ทางยาของต้นไม้ชนิดนี้ในอดีต โดยดอกสะเดาถูกนำมาใช้รักษาโรคทางเดินน้ำดี ใบสะเดาใช้รักษาแผลเปื่อย และเปลือกสะเดาใช้รักษาโรคสมอง

    สะเดา เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาหลากหลาย สามารถนำมาใช้รักษาและป้องกันโรคได้หลากหลายชนิด โดยมีคุณสมบัติเด่นมากมายทั้งดีท็อกซ์ และบำรุงเลือด รักษาโรคผิวหนัง เช่นกลาก เกลื้อน ต้านเชื้อยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา รวมทั้งยังบรรเทาอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ และช่วยย่อยอาหาร กระตุ้นการผลิตน้ำดี

    แม้สะเดาจะมีประโยชน์มากมาย แต่สะเดาก็มีผลกระทบเช่นกัน และต่อไปนี้คือผลกระทบของสะเดา

    แม้ว่าผลิตภัณฑ์จากสะเดาจะมาจากธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยสำหรับการใช้งานในคนทุกกรณี ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการใช้ผลิตภัณฑ์จากสะเดา สารสกัดจากเมล็ดสะเดามีกรดไขมันหลายชนิดและสารขมประมาณ 2% ซึ่งถือว่าเป็นสารพิษ ปริมาณของสารขมเหล่านี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละผลิตภัณฑ์ และอาจได้รับอิทธิพลจากวิธีการสกัดและการเก็บรักษา

    หลีกเลี่ยงการใช้สะเดาในบางกลุ่มบุคคล

    ผู้ป่วยเบาหวานที่รับประทานยาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้สะเดา เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

    แม้ว่าการใช้สะเดาทาภายนอกดูเหมือนจะปลอดภัยหากเจือจางด้วยส่วนผสมอื่นๆ แต่ไม่แนะนำให้ทาโดยตรงบนผิวหนัง เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคือง

    พบว่าหนำเลียบมีผลคุมกำเนิดในระยะยาวในผู้ชายหลังจากได้รับยาเพียงครั้งเดียว เนื่องจากมีผลยับยั้งการสร้างตัวอสุจิ และมีการวิจัยเกี่ยวกับความปลอดภัยจำกัด จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้หนำเลียบหากกำลังวางแผนจะมีบุตร

    ไม่แนะนำให้ทารก เด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตรใช้สะเดา เนื่องจากข้อมูลด้านความปลอดภัยยังไม่ครบถ้วนและมีข้อจำกัดในการวิจัย

  • เน็ตไอดอลสาว เล่าประสบการณ์เล่น AV ครั้งแรก ถึงกับร้องไห้ เผยเรื่องที่นึกไม่ถึง

    เน็ตไอดอลสาวสวย เจ้าของหน้าอกไซส์ E เตรียมเดบิวต์วงการ AV เล่าประสบการณ์เล่นหนังผู้ใหญ่ครั้งแรก

    เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า เน็ตไอดอลสาวชาวญี่ปุ่นเจ้าของหน้าอกไซส์ E ซึ่งอยู๋ระหว่างรอบริษัทเผยแพร่ผลงานและประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ได้เปิดบัญชี TikTok เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เล่าประสบการณ์การถ่ายทำหนังผู้ใหญ่ ที่ทำให้เธอถึงกับร้องไห้ออกมา

    เน็ตไอดอลสาวรายนี้ ใช้ TikTok บัญชี kura.saku.no เป็นช่องทางสื่อสารกับแฟนๆ โดยเล่าถึงเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าสู่วงการ AV และแบ่งปันประสบการณ์การถ่ายทำ เธอยอมรับว่าตัวเองไม่ได้โด่งดังมากนัก มีเพียงบางครั้งที่ถูกจำได้ตามร้านอาหารหรือขณะเดินเล่น

    เธอรู้ดีว่าการเป็นไอดอลตัวเล็กๆ ไม่ช่วยให้มีรายได้มากนัก ประกอบกับความสนใจในเรื่องเพศ จึงตัดสินใจก้าวเข้าสู่วงการนี้อย่างเต็มตัว

    เน็ตไอดอลสาว เผยว่า เธอไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครนอกจากแฟน ทำให้ก่อนถ่ายทำรู้สึกกดดันและกังวลอย่างมาก หลังถ่ายทำผลงานทั้งสองเรื่องเสร็จ เธอถึงกับร้องไห้ระหว่างเดินทางกลับบ้านบนรถไฟชินคันเซ็น

    โดยเฉพาะครั้งที่ 2 เมื่อต้องร่วมงานกับนักแสดงชายที่อายุมากกว่า เธอถึงกับร้องไห้ออกมาในห้องพักก่อนเริ่มถ่ายทำ

    เนื่องจากผู้จัดการแจ้งว่ายังไม่สามารถเปิดเผยวันวางจำหน่ายผลงานและวันเปิดตัวได้ ในคลิป TikTok เธอจึงต้องสวมแว่นกันแดดและหน้ากากปิดบังใบหน้า พร้อมขอให้แฟนๆ อดใจรออย่างใจเย็น

  • “น็อต วิศรุต” สามี “ชมพู่ อารยา” แจกของขวัญปีใหม่ให้พนักงาน แต่ละชิ้นปังมาก

    นอกจากจะเป็นคุณพ่อสายอบอุ่น ที่ดูครอบครัวเป็นอย่างดี จนถูกยกให้เป็นสามีต้นแบบของใครหลายคนแล้ว สำหรับ น็อต วิศรุต สามีของซุปตาร์สาว ชมพู่ อารยา ในเรื่องของการทำธุรกิจก็ดูแลพนักงานได้ดีไม่แพ้กัน

    โดย น็อต วิศรุต ได้ทำธุรกิจผลิตสายไฟฟ้าในแบรนด์ วีนายน์ (Vnine) จนสร้างรายได้ให้กับตระกูล รังษีสิงห์พิพัฒน์ อีกทั้งยังเป็นที่รักของทุกคนในบริษัท

    ล่าสุด ได้มีการเผยคลิปวิดีโอเนื่องในโอกาสงานเลี้ยงปีใหม่ 2025 ของบริษัท วีนายน์ ซึ่ง น็อต วิศรุต ได้จัดเต็มเปย์พนักงานด้วยการเตรียมของขวัญสุดพิเศษหลากหลายอย่างด้วยกัน เพื่อเป็นการให้รางวัลที่ทำงานอย่างหนักมาตลอดทั้งปี

    ไม่ว่าจะเป็น Ipad, Apple watch, IPhone, เงินสด, ทองคำ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, จักยาน, มอเตอร์ไซค์ เป็นต้น

    งานนี้ทำเอาแฟนๆ ที่ได้เห็นต่างเข้ามาคอมเมนต์กันยกใหญ่ อาทิ “โอโห พ่อสุดยอดมากค่าา ผู้บริหารที่เข้าใจคนทำงาน พนง.ตอนนี้มีกี่คนแล้วคะ”, “นี่แหละที่พนักงานต้องการ ดีใจแทนพนักงานที่มีเจ้านายที่ดีดูแลพนักงานดีเยี่ยม”, “ไม่อยากเป็นลูกน้องแล้วอยากเป็นลูกพ่อแทน”, “โอโหววว โรงงานพ่อน็อตเริ่ดมากค่าา”

  • หวยลาววันนี้ 13 มกราคม 2568 ผลหวยลาววันนี้ ออกอะไร

    ลุ้นสด หวยลาววันนี้ 13/01/68 ถ่ายทอดสดหวยลาว หวยลาวล่าสุด หวยลาวพัฒนา 13 มกราคม 2568 หวยลาวย้อนหลัง หวยลาว 6 ตัว วันนี้ออกอะไร งวด 13 มกราคม 2568 Laolottery หวยลาว ออกรางวัลทุก วันจันทร์ วันพุธ และ วันศุกร์

    ตรวจหวยลาวย้อนหลัง คลิกที่นี่

    รายงานผลหวยลาว 13 มกราคม 2568 (13/01/68) ผลหวยลาว 6 ตัวออกรางวัลดังนี้ 

    ตรวจหวยลาว งวดประจำวันที่ 13 มกราคม 2568

    เลข 6 ตัว : 998733
    เลข 5 ตัว : 98733
    เลข 4 ตัว : 8733
    เลข 3 ตัว : 733
    เลข 2 ตัว : 33

    เลขนามสัตว์

    • 17 นกกระยาง
    • 14 แมวบ้าน
    • 19 ผีเสื้อ
    • 31 กุ้ง


    ผลสลากพัฒนา 5/45

    • 33 / 11 / 28 / 05 / 39

    รายละเอียดผลหวย

     

    เงินรางวัล

    • เลข 4 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 6,000 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 6,000,000 กีบ
    • เลข 3 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 500 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 500,000 กีบ
    • เลข 2 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 60 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 60,000 กีบ